กฎหมายหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ท
กฎหมายหมิ่นประมาท และ กฎหมายคอมพิวเตอร์ 2550 | |
ใครที่นั่งหน้าจอคอมพ์ชอบโพสต์ข้อความบนอินเตอร์เน็ต ควรต้องรู้กฎหมายประดับตัวพอสมควร เพราะถ้ามีเรื่องขึ้นมา จะไปอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือศาลท่านไม่รับฟังทั้งสิ้น การโพสต์ข้อความบนอินเตอร์เน็ตต้องระมัดระวังให้มาก และเตือนตัวเองเสมอว่า กำลังยืนอยู่หน้าประตูคุก เพราะถ้าไปโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทบุคคลอื่นเข้า ผู้เสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดี หรือฟ้องร้องต่อศาลดำเนินคดีอาญาได้ การดำเนินดคีกับผู้กระทำผิดหมิ่นประมาทคนอื่นนั้นไม่ยาก เพราะนอกจากมีกฎหมายอาญามาตรา 328 ระบุความผิดแล้ว ก็ยังมีกฎหมายคอมพิวเตอร์ ปี 2550 สนับสนุนอีกแรง ทำให้สาวถึงตัวผู้กระทำผิดได้อย่างง่ายดาย คือ รู้ข้อความหมิ่นประมาท รู้ตัวผู้กระทำผิด รู้สถานที่ที่กระทำความผิด รู้หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการกระทำความผิด รู้เวลาและคาบเวลาที่กระทำความผิด ฯลฯ...ทุกอย่างชัดเจนหมด ดิ้นไม่หลุด !! ผู้กระทำความผิดหมิ่นประมาทบุคคลอื่น หรือกระทำความผิดอาญาอื่นๆบนอินเตอร์เน็ตสามารถถูกจับกุม หรือถูกฟ้องร้องดำเนินตดีได้อย่างง่ายดายที่สุด...ตรงนี้จึงขอเตือนทุกท่านได้โปรดระมัดให้จงหนัก..!! วันนี้มีความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นประมาทและกฎหมายคอมพิวเตอร์ 2550 มาฝากกัน เพื่อจะได้ไม่มือไวใจไว ขาดความยั้งคิด กระทำผิดกฎหมาย โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทคนอื่นเข้า การหมิ่นประมาทผู้อื่นบนอินเตอร์เน็ต ไม่ต่างอะไรกับการหมิ่นประมาทผู้อื่นบนหน้าหนังสือพิมพ์ เพราะใช้ตัวบทกฎหมายอาญามาตรา 328 เดียวกัน แต่การหมิ่นประมาทบนอินเตอร์เน็ตจะมีกฎหมายคอมพิวเตอร์ 2550 สมทบเข้ามา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสาวถึงผู้กระทำผิดได้ถูกตัวถูกคน คดีหมิ่นประมาท เจ้าทุกข์หรือผู้เสียหายสามารถดำเนินการได้สองทาง คือ แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือดำเนินคดีเองด้วยการตั้งทนายฟ้องร้องต่อศาล ในการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจจะมีหมายเรียกผู้กระทำผิดหรือผู้ถูกกล่าวหามาพบ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ถ้าไม่มา ตำรวจก็จะออกหมายจับ ขั้นตอนตำรวจนี้อยู่ในชั้นสอบสวน เมื่อการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จ ก็จะส่งสำนวนไปอัยการเพื่อดำเนินการฟ้องร้อง จากอัยการ คดีก็จะขึ้นสู่ศาล ทุกขั้นตอนของคดี คือ ชั้นสอบสวน ชั้นอัยการ และชั้นศาล ผู้กระทำผิด หรือผู้ถูกกล่าวหา จะต้องประกันตัวทุกขั้นตอน แต่โดยมาก เจ้าทุกข์หรือผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาทมักจะให้ทนายดำเนินการฟ้องร้องเอง เพราะค่อนข้างยืดหยุ่น และมีลูกเล่นลูกชนมากกว่า !! หากเจ้าทุกข์ผู้เสียหายจะแจ้งความ ก็มักเป็นการแจ้งความเพื่อยืดอายุคดี ผลของการแจ้งความ อายุความคดีหมิ่นประมาทจะยืดออกไป จาก 3 เดือนกลายเป็น 5 ปึ!! การฟ้องร้องคดีหมื่นประมาทในทางอาญา ถ้าฝ่ายผู้เสียหายได้ทนายมือดีทำงานให้ มีลูกเล่นลูกชนมาก จำเลยจะ"โคตะระ"เหนื่อย และอาจเกิดอาการประสาท"แด๊ก"เอาง่ายๆ เพราะเห็นประตูคุกเปิดอ้ารำไร...!! ผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาท นอกจากจะสามารถฟ้องร้องผู้กระทำผิดในทางอาญาแล้ว ก็ยังสามารถฟ้องร้องทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายได้อีกโสดหนึ่งด้วย ในการดำเนินคดีหมิ่นประมาทบนหน้าหนังสือพิมพ์และบนอินเตอร์เน็ตในทางอาญา สามารถทำได้ทั่วประเทศ เพราะสื่อทั้งสองชนิดนี้แพร่ไปทั่วประเทศ การฟ้องร้องดำเนินคดีจึงสามารถทำได้ตั้งแต่เหนือสุดยันใต้สุดของประเทศไทย จะฟ้องที่เชียงราย ที่ปัตตานี หรือที่นราธิวาส..ย่อมได้ทั้งนั้น !! ถ้าเขียนข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งหลายหน ก็ถือเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ สามารถนำไปแยกฟ้องได้ อาจจะฟ้องเหนือสุดที่เชียงรายแห่งหนึ่ง ใต้สุดที่ปัตตานีหรือนราธิวาสแห่งหนึ่ง และภาคอีสานที่อุบลฯอีกแห่งหนึ่ง เรียกว่า ฟ้องครบทั่วทุกภาค ที่สุดสนุกก็คือ การฟ้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั่นแหละ ระเบิดและกระสุนปืนสงครามแถวนั้นชุกชุม ทหารตำรวจที่ว่าแน่ๆยังผวา...ไม่มีใครอยากถูกย้ายไปที่นั่น !! ถ้าผู้กระทำผิดถูกฟ้องต่างกรรมต่างวาระ...ต้นเดือนขึ้นศาลภาคใต้ กลางเดือนขึ้นศาลภาคเหนือ และปลายเดือนขึ้นศาลภาคอิสาน...มีช่วงว่างเวลาสับหลีกเพียงแค่ 10 วัน จำเลยรวย...รวยคดี !! เดือนๆไม่ต้องทำมาหากินอะไร เอาแต่เดินตามตูดทนายขึ้นศาลลูกเดียว!! และอาจถึงขั้นเสียประสาท !! ถ้าหากโจทก์ผู้เสียหายไม่ยอมความ ประสงค์จะดำเนินคดีถึงที่สุด งานนี้ถ้าโจทก์ผู้เสียหายได้ทนายมือดีทำงานให้ จำเลยที่หมิ่นประมาทเขา ก็จะตกอยู่ในฐานะล่อแหลม ยืนพิงประตูคุกอยู่ครับ !! ในการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำผิดหมิ่นประมาทใส่ความคนอื่นบนหนังสือพิมพ์ อันเป็นสื่อสาธารณะ จะใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ส่วนการหมิ่นประมาทบนอินเตอร์เน็ต นอกจากจะใช้มาตรา 328 นี้แล้ว ก็ยังใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์2550 พ่วงเข้ามาอีกฉบับ เพื่อ"ล็อกเป้า" ผู้กระทำความผิด ให้ดิ้นไม่หลุด!! ครับ...ถูกตัว!! ถูกคน!! หนีไม่พ้น !! และปฏิเสธไม่ได้ !! สื่อหนังสือพิมพ์เป็นแค่กระดาษเปื้อนหมึกธรรมดาๆ ข้อความหรือภาพหมิ่นประมาทปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษชัดเจนโทนโท่ ไม่มีอะไรซับซ้อนในการนำสืบ แต่บนจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมันซับซ้อนกว่า ข้อความหรือภาพหมิ่นประมาทจะถูกแพร่ออกไปชนิดไร้พรมแดน เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจากต้นทางถึงปลายทาง โดยที่ข้อความหรือภาพหมิ่นประมาทนั้นแพร่ไปทั่วโลกและทั่วเมืองไทย มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท ดังนั้น การเขียนหรือโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทบุคคลอื่นบนอินเตอร์เน็ต ล้วนเข้าข่ายกฎหมายอาญามาตรา 328 นี้ทั้งนั้น นี่เป็นข้อแรก กฎหมายคอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 26 กล่าวไว้ว่า... ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน นับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษา ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวันแต่ไม่เกินหนึ่งปี เป็นกรณีพิเศษ เฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ สรุปง่ายๆก็คือ ที่ไหนมีเครือข่ายอินเตอร์เน็ต กฎหมายคอมพิวเตอร์ถือเป็น"ผู้ให้บริการ"มีหน้าที่ต้องบันทึกและเก็บรักษา traffic data ไว้ทั้งหมด มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย traffic data จะระบุต้นทางและปลายทางข้อมูล หมายเลขโทรศัพท์ IP address การเข้าออกของข้อมูล ปริมาณข้อมูล ระยะเวลาเริ่มต้น ระยะเวลาสิ้นสุด วันเวลาเข้าออกอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ขอย้ำอีกครั้ง...ผู้กระทำผิดจะถูก"ล็อกเป้า"ชนิด... ถูกตัว!! ถูกคน!! หนีไม่พ้น !! และปฏิเสธไม่ได้ !! คุกเมืองไทยทุกวันนี้ นักโทษอยู่กันหนาแน่น แทบจะล้น คุกหลายๆแห่งเวลานอน ขยับตัวแทบไม่ได้ เพราะนอนห่างกันไม่ถึงคืบ !! | |
เครดิต: http://skyhawk.125mb.com/law.html ● Skyhawk | |
กฏหมาย การหมิ่นประมาท ทางอินเตอร์เน็ต(internet)
ย้อนหลังไปไม่เกิน 10 ปี อินเตอร์เน็ตเข้ามีบทบาทในการสื่อสาร หาความรู้ ความบันเทิง แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา จึงทำให้หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หน่วยงานทางการศึกษา ตลอดจนสถานศึกษา ได้จัดทำ Web site ของตนเองขึ้น โดยวัตถุประสงค์ที่สำคัญก็คือ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ภารกิจงานในหน้าที่ ตลอดจนใช้ในการติดต่อข่าวสารของหน่วยงานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย งบประมาณโดยใน Web site ของหน่วยงานต่างๆ ได้จัดให้มี กระดานข่าว (Web board) ขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตใช้เป็นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งกันและกัน ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีของอินเตอร์เน็ต ที่ทำให้เกิดความรวดเร็วในการติดต่อข่าวสาร ความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล แต่อย่างไรก็ตามการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ผ่านมา พบว่าผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต ได้ใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ไม่ถูกทาง คือ การใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ซึ่งพบมากที่สุดของ Web site ของหน่วยงาน ก็คือ ใช้เป็นเครื่องมือในการหมิ่นประมาทผู้อื่น ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวทำให้ ข้อดีของอินเตอร์เน็ต จึงกลายเป็นผลเสียอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากถ้อยคำที่เป็นการหมิ่นประมาท จะแพร่หลายไปทั่วโลกใน วงกว้างและรวดเร็ว กว่าการหมิ่นประมาทด้วยวิธีอื่น ในข้อเสียอินเตอร์เน็ตจึงกลายเป็นเครื่องมือเร่งขยายการทำความผิด ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายมากขึ้น
ก่อนที่พิจารณาว่า ลักษณะการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างไร มีความผิดทางแพ่ง และทางอาญาอย่างไร มาพิจารณาบทบัญญัติในของกฎหมาย ที่บัญญัติว่า การหมิ่นประมาทนั้นผู้กระทำจะมีความผิดทั้งทางแพ่ง และทางอาญา อย่างไรบ้าง
ทางแพ่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 บัญญัติว่า ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของผู้อื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหม ทดแทนให้แก่เขาเพื่อเพื่อความเสียหายใดๆ อันเกิดแก่การนั้น
..
ทางอาญา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 บัญญัติว่า ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ
มาตรา 328 บัญญัติว่า ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทกระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎด้วยวิธีใด แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียงอย่างอื่น กระทำโดยการกระจายเสียง หรือโดยการกระทำป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
โดยสรุป การหมิ่นประมาท ก็คือ
การใส่ความผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เช่น พูด เขียน พิมพ์ข้อความ หรือแสดงกริยาต่างๆ โดยการใส่ความดังกล่าวนั้นต้องเป็นการกระทำให้บุคคลที่สามรับทราบ ซึ่งเป็นการทำให้ผู้ถูกใส่ความนั้นได้รับความเสียหาย ดังนั้น ความผิดในการหมิ่นประมาท ทางอาญาอาจจะเป็นความจริงหรือความเท็จก็ได้ ตามคำกล่าวที่ว่า ยิ่งจริงยิ่งหมิ่นประมาท เพราะหลักกฎหมายมุ่งพิจารณาแต่เพียงว่าถ้ามีการกล่าวถึงบุคคลอื่นในด้านไม่ดีแล้ว ย่อมทำให้สังคมไม่สงบสุข ไม่ว่าข้อความนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ ทำให้ ความรับผิดในการกระทำหมิ่นประมาท หากข้อความที่กล่าวเป็นเรื่องเท็จ ผู้กระทำต้องรับผิดทางอาญา และชดใช้ความเสียหายทางแพ่ง แต่ถ้าหากข้อความที่กล่าวเป็นจริง ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา แต่ไม่ต้องชดใช้ความเสียหายทางแพ่ง
ท่านผู้อ่านได้ทราบแล้วว่า การกระทำผิดในการหมิ่นประมาทเป็นอย่างไร และจะต้องได้รับโทษอย่างไรบ้าง สำหรับวิธีการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย มีวิธีการเป็นอย่างไรบ้าง การหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต แยกได้เป็น 3 วิธี คือ
1. การหมิ่นประมาททาง E-mail ตัวอย่างที่เราทราบทางสื่อมวลชน กรณีที่ มีบุคคลได้ส่งภาพที่ไม่เหมาะสมของนักแสดงไปกับ E-mail ให้แก่ผู้อื่น ทำให้เกิดการดำเนินคดีต่อผู้ที่ส่งภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ที่นำเสนอข้างต้น
2. การหมิ่นประมาททาง Web site ตัวอย่างที่พบเห็นโดยทั่วไป คือ การนำข้อความ หรือภาพที่เป็นการใส่ความไปลงใน Web site หรือ ตั้งกระทู้ถามหรือแสดงข้อเท็จจริง ต่างๆ บน Web board ในลักษณะใส่ความ และทำให้ผู้อื่นเสียหาย ที่พบอยู่เนืองๆ บน Web board ของ Web site ต่างๆ รวมถึงWeb board
ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาด้วย หรือจะเป็นลักษณะการเข้าไปใส่ความในห้อง Chat room ซึ่งการกระทำความผิดทาง Web site พบมากในการใช้อินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเป็นความผิดตามฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตร 326 แล้ว ยังมีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ซึ่งผู้กระทำต้องรับโทษหนักกว่า
มาตรา 326 และอาจจะต้องรับผิดทางแพ่งด้วย
3. การหมิ่นประมาททางโปรแกรม IRC , Pirch ,TCQ , Yahoo Msn หรือ โปรแกรม Microsoft MSN ที่ Server ได้จัดให้บุคคลอื่นเข้าไปพิมพ์ข้อความสนทนา หากข้อความที่พิมพ์ มีลักษณะหมิ่นประมาทผู้อื่นแล้ว ก็จะเป็นการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตอย่างหนึ่ง
การหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้หรือไม่ ผู้เขียนขอเรียนว่า มีตัวอย่างการดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่า จะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีผู้ส่ง E-mail พร้อม Attach ภาพไม่เหมาะสมของนักแสดงไปให้ผู้อื่น จนทำให้เกิดการดำเนินคดีต่อผู้ส่ง E-mail ดังกล่าว ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น หรือ กรณีข่าวต่างประเทศ ที่ศาลอังกฤษ ได้พิพากษาผู้ส่ง E-mail ข้อความหมิ่นประมาท จนทำให้ผู้ส่ง E-mail ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
ซึ่งในการดำเนินคดีกับผู้ส่ง E-mail ได้ก็เนื่องจาก ศาลได้สั่งให้บริษัทผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ต
(Internet Service Provider หรือ ISP) และผู้ให้บริการ E-mail ส่งข้อมูลให้ นอกจากนี้ การหมิ่นประมาท
บน Web site หรือ บน Web board ก็สามารถย้อนรอยถึงผู้กระทำความผิดได้เช่นกัน โดยการขอความร่วมมือ ISP หรือ เจ้าของ Server ที่เป็นที่ตั้งของ Web site ดังกล่าว ให้แจ้งข้อมูลของผู้กระทำการ Upload ข้อมูลที่เป็นการหมิ่นประมาท
โดยสรุป ผู้เขียน ในฐานะเป็นคณะผู้ดูแลระบบอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 1 ขอเรียนด้วยความเคารพว่าไม่ต้องการที่จะให้เกิดการดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต ต่อผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นบุคคลโดยทั่วไป หรือเป็นข้าราชการที่ใช้ E-mail หรือ Web board และกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าการกระทำดังกล่าวจะมีความผิดทางแพ่งและทางอาญา แต่หวังว่าบทความครั้งนี้ จะเป็นการให้ข้อมูลแก่ผู้อ่านว่า บางครั้งในการกระทำเพียงเพื่อความสนุกสนาน หรือกระทำไปเพื่อเป็นการเย้าแหย่ เพียงเล็กน้อย อาจจะมีผลต่อชีวิตหน้าที่ทางราชการ หากมีการดำเนินคดีเกิดขึ้น นอกจากนี้ ผู้เขียนเพียงต้องการให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ได้ตระหนักถึงการใช้อินเตอร์เน็ตในทางสร้างสรรค์ ให้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งติดต่อข่าวสาร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ต่อผู้ใช้ และประโยชน์สูงสุดต่อเด็ก ต่อการศึกษาของไทยสืบไป
อ้างอิง
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง. เอกสารประกอบคำบรรยายกระบวนวิชากฎหมายอาญาชั้นสูง
หลักสูตรนิติศาสตร์มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง. กรุงเทพมหานคร :
มหาวิทยาลัยรามคำแหง , 2546.
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์.
ประมวลกฎหมายอาญา.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กฎหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต
มาดูว่าการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต คืออะไร ก่อนที่จะพิจารณาถึงเรื่องนี้ควรจะพิจารณาก่อนว่า หมิ่นประมาทนั้น มีลักษณะการกระทำอย่างไร หมิ่นประมาทคือ การใส่ความผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เช่น พูด เขียน พิมพ์ข้อความ หรือแสดงกริยาต่างๆ โดยการใส่ความดังกล่าวนั้น ต้องเป็นการกระทำให้บุคคลที่สามรับทราบ ซึ่งเป็นการกระทำให้ผู้ถูกใส่ความนั้น ได้รับความเสียหาย
ดังนั้น ผู้กระทำการหมิ่นประมาท จะมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา กล่าวคือ การหมิ่นประมาทนั้น ผู้กระทำผิดจะมีความหมายทางแพ่ง ฐานละเมิดตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ซึ่งมีหลักการสำคัญ คือ ผู้กระทำได้กล่าว หรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความที่ขัดต่อความเป็นจริง เป็นผลให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ
นอกจากนี้การหมิ่นประมาท ยังถูกบัญญัติให้เป็นความผิดหนึ่ง ในประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งลักษณะการกระทำคือ ผู้กระทำความผิดได้ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง การพิจารณาข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาทในทางอาญานั้น อาจเป็นความจริง หรือเท็จก็ได้ดังที่เคยมีคำกล่าวว่า "ยิ่งจริงยิ่งผิด" เพราะกฏหมาย มุ่งพิจารณาแต่เพียงว่าถ้ามีการกล่าวถึงบุคคลอื่น ในด้านที่ไม่ดีแล้ว ย่อมจะทำให้สังคมไม่สงบสุข ไม่ว่าข้อความนั้นจะเป็นจริงหรือไม่
ความรับผิดทางอาญา และทางแพ่งมีข้อแตกต่าง ประการสำคัญทีสุด คือ หากข้อความที่กล่าวเป็นเรื่องเท็จ ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา และต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง แต่ถ้าข้อความที่กล่าวเป็นจริง ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา แต่ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง
กรณีความผิดทางอาญา ในการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต จะมีความผิดตามมาตรา 326 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น หรือ ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ"
หากนำข้อความ หรือภาพที่มีลักษณะหมิ่นประมาท ไปลงไว้ในเว็บไซต์ คนทั่วไปย่อมสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ อันเป็นลักษณะของการโฆษณาด้วยภาพ หรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎด้วยวิธีใด อย่างหนึ่ง ซึ่งในมาตรา 329 บัญญัติไว้ว่า "ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนต์ ภาพ หรือ ตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎ ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท" ผู้กระทำจะต้องได้รับโทษหนักกว่ามาตรา 326 เพราะการโฆษณาเป็นการทำให้ข้อความหรือภาพที่มีลักษระหมิ่นประมาทกระจายไปสู่คนจำนวนมากกว่าการหมิ่นประมาททั่วๆ ไป
ความผิดสำเร็จในความผิดฐานหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตนั้น จะถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อใด เมื่อพิจารณาถ้อยคำที่ว่า "โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น หรือถูกเกลียดชัง" ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 326 นั้นไม่ใช่ผลของการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ต้องถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว แต่จะพิจารณาว่าผิดสำเร็จ หรือไม่จากวิญญูชนทั่วไป (บุคคลทั่วไป) ว่าเมื่อได้รับทราบข้อความนั้นแล้ว เห็นว่าน่าจะเกิดความเสียหายแต่ผู้อื่นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าน่าจะเสียหาย ผู้กระทำก็จะมีความผิดแล้ว แต่ถ้าบุคคลทั่วไปเห็นว่าไม่น่าจะเสียหายแต่ผู้อื่น ผู้กระทำก็ไม่มีความผิด และต้องได้ข้อเท็จจริงว่า บุคคลที่สามรับทราบข้อความนั้นแล้ว จึงจะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จ
ถ้าบุคคลที่สามยังไม่ได้รับทราบข้อความนั้นเลย ก็เป็นแต่เพียงขั้นพยายามหมิ่นประมาทเท่านั้น คือ ผู้กระทำได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล เช่น นายเอก ส่งอีเมลล์ให้นายโท โดยมีข้อความหมิ่นประมาทนายตรี ถ้านายโทยังไม่เปิ[คำไม่พึงประสงค์]่าน ถือว่านายเอกได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่ไม่บรรลุผล คือ นายโท ยังไม่ได้รับทราบข้อความนั้น จีงมีความผิดเพียงขั้นพยายามหมิ่นประมาทรับโทษเพียงสองในสาม แต่ถ้านายโทเปิ[คำไม่พึงประสงค์]่านอีเมล์ฉบับดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่ามีบุคคลที่สามรับทราบข้อความแล้ว จึงเป็นความผิดสำเร็จโทษเต็มตามที่กฎหมายบัญญัติ
ในกรณีเมื่อได้รับอีเมลล์ที่มีข้อความหมิ่นประมาท และได้ forward ต่อไปให้ผู้อื่น จะมีความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ประเด็นนี้เกิดขึ้นได้บ่อยมากในปัจจุบัน เพราะสามารถทำการส่งข้อความหรือภาพ ที่เราได้รับมาไปให้เพือนหรือ คนรู้จักกันได้อีกไม่จำกัดจำนวน ประเด็นนี้สามารถเทียบเคียงได้กับคำพิพากษาศาลฎีกาที 2822/2515 ซึ่งมีข้อเท็จจริงคือ จำเลยแสดงข้อความในจดหมายที่ได้รับจากผู้อื่น โดยรู้อยู่ว่าจดหมายนั่นมีข้อความหมิ่นประมาท ถือได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท
เหตุที่มองว่าการ Forward-mail ไปให้ผู้อื่นถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เพราะผู้กระทำนั้นเมื่อได้รับทราบข้อความ แล้วได้ทำการเผยแพร่ต่อไป เท่ากับเป็นการใส่ความผู้เสียหายต่อไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการขยายความเสียหายออกไป อีกจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นเอง แล้วถ้าหาก Forward-mail ต่อไปให้บุคคลอื่นอีกหลายคน จะถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่ต้องรับโทษหนักขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 นั้น จะต้องพิจารณาจากการกระทำเป็นหลัก ว่าเป็นการโฆษณาหรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงจำนวนบุคคลผู้รับข้อความ ว่าจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กรณีศึกษาอาชญากรรมและกฎหมายไอที
การCopyรูปภาพ/ข้อความบนเว็บไซต์ของผู้อื่นมาใช้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของเสียก่อน แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับกรณีเพื่อการศึกษา โดยต้องมีการอ้างอิงและขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์
การหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้หรือไม่ สามารถฟ้องร้องได้ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง โดยอาญานั้นยิ่งจริงยิ่งผิด ไม่สามารถยอมความได้นะจ๊ะ 1 คำหมิ่นประมาท คิดเป็นหนึ่งบทลงโทษ 100 คำหมิ่นประมาท(ต่อคน) ก็บวก ลบ คูณ หารกันเอาเองนะ คนตั้งกระทู้โทษหนักพักพวกก็โดนนะจ๊ะ
การทำHyperlink ไม่ให้ละเมิดลิขสิทธินั้น ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์เสียก่อน
โหลดโปรแกรมหรือเพลงทางอินเตอร์เน็ต ถ้าใช้งานแบบถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ต้องเป็นโปรแกรมประเภท Freeware,Shareware ส่วนการโหลดเพลงขึ้นบนอินเตอร์เน็ตให้คนทั่วไปโหลดได้ฟรีๆเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นคดีอาญา
เอิ๊กๆ มีหลายกรณีแล้วนะค่ะที่ฟ้องร้องกันมา ระวังน๊าโพสพาดพิงถึงคนขี้โมโห
และเอาเรื่อง จะถูกฟ้องไม่รู้ตัว ตรงนี้ไม่สามารถเอาลิงค์มาให้ดูได้ เพราะยังไม่ได้ขอเจ้าของ
แต่หาในgoogle คำว่าหมิ่นประมาททางอินเตอร์เนตได้จ๊ะ น่าจะมีตัวอย่างคนที่ถูกฟ้องร้องให้ดู
ถ้าเห็นว่ากระทู้นี้มีประโยชน์โหวดให้ด้วยจ๊ะ อ้อระวังนะเวลาตั้งกระทู้ถึงใครให้เอ่ยชื่อย่อ
แต่ถ้ามันทำให้เขาเสื่อมเสียต่อสาธารณชน และโฆษณามีผลให้เสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม
ก็อย่าไปทำเลยเพราะว่าเราคนไทยเหมือนกัน "รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย"
อีกอย่างนะจ๊ะแม้เอ่ยชื่อย่อ แต่เมื่อพูดไปแล้ว เขียนข้อความลงไป แล้วคนอื่นรู้ว่าเป็นบุคคลคนนั้น
ก็โดนเหมือนกันนะ เดี๋ยวนี้แม้แต่เล่นอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ก็จับได้นะจ๊ะ เพราะกฎหมายเขาให้ร้านเก็บข้อมูลไว้ 90 วัน อย่าไปเชื่อใครว่าในเน็ตทำอะไรไม่ได้ล่ะ มีคนโดนมาแล้วปัจจุปันหนีหัวซุน บางคนก็ต้องสู้คดีเสียเวลา เสียเงิน ยิ่งโดนคดีอาญานี้แสบจริงๆ ยอมความไม่ได้เลยน๊า
แล้วบางทีถ้าเราตั้งกระทู้หมิ่นเหม่ แล้วถูกลบก็อย่าไปโกรธเว็บไซส์นะจ๊ะเพราะว่า
หากมีการฟ้องร้องทางคดีความ เวบไซต์ "อาจจะ" ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
(อ้างอิงจาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
เหตุผล ผู้ให้บริการในที่นี้มุ่งประสงค์ถึง เจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งมีการพิจารณาว่า
ควรต้องมีหน้าที่ลบเนื้อหาอันไม่เหมาะสมด้วย
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๑๔ โทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี โทษปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นประเด็นที่น่าสนใจทีเดียว กับกรณีที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาระบุเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าการกระทำความผิดคดี หมิ่นประมาทในโลกอินเทอร์เน็ต มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีทั้งคนที่ตั้งใจทำ และคนที่อาจไม่รู้ว่ากำลังทำผิดอยู่
วันก่อน ก็เพิ่งมีข่าวหญิงสาวรายหนึ่งแจ้งความว่าถูกโพสต์ข้อความกล่าวร้ายให้เสีย หายในเว็บไซต์ชื่อดังไฮไฟว์ นี่ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เข้าข่ายความผิดประเภท หมิ่นประมาทออนไลน์
ทั้งนี้ ผลสำรวจผู้ใช้ คอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ต ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) พบว่า ปี 2549 มีผู้ใช้งานราว 11.41 ล้านคน พอถึงปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 13.42 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.55 ขณะที่ยอดสรุปผลพวงที่เกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี-ที่เป็น คดี เฉพาะในปี 2549 เฉพาะที่มีการประสานกับ ศตท. จำนวน 163 คดี ในจำนวนนี้เป็นคดี หมิ่นประมาท สูงที่สุด คือ 78 คดี ซึ่งกับพฤติกรรมที่มีการกระทำจริงน่าจะสูงกว่านี้หลายเท่า เพียงแต่ไม่เป็นคดี
กับเรื่องนี้ทีม สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ ติดต่อสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้กำกับการกลุ่มงานตรวจสอบฯ ศตท. ก็ได้ข้อมูลว่า...ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้กลายเป็น เรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ซึ่ง ถือเป็นอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ประเภทหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าการกระทำแบบนี้จะไม่ได้สร้างผลกระทบมากมายเมื่อเทียบกับความผิด ชนิดอื่น ๆ แต่ก็ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของบุคคลที่ถูกระบุถึงอย่างมาก
เรื่องนี้ เป็นพัฒนาการของการปล่อยข่าว ที่เปลี่ยนจากเดิมอย่างเช่นการเขียนจดหมายสนเท่ห์ หรือแฟกซ์ ก็เปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ เว็บบอร์ด และบล็อก ในการปล่อยข่าวแทน
สาเหตุที่คดีประเภทนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในเมืองไทย พ.ต.อ.ศิริพงษ์ระบุว่า...ก็คงจะเกิดจากการที่มีจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต เพิ่มมากขึ้น มีการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และอีกปัจจัยหนึ่งก็คือการขาดความรับผิดชอบ ต่อสังคม และ คิดว่าไม่ผิด หรือ คิดว่าตำรวจตามจับไม่ได้ เพราะไม่มีการลงชื่อจริง-นามสกุลจริง...
ก็ต้องบอกว่านี่เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ !!
ผู้กำกับการกลุ่มงานตรวจสอบฯ ศตท. แจงว่า...อินเทอร์เน็ตก็เหมือนโทรศัพท์ คือมีต้นสายปลายทาง คอมพิวเตอร์ก็มีทั้งรหัสประจำเครื่อง ทั้ง IP address ซึ่งสามารถตรวจสอบได้หมดว่าถูกส่งมาจากแหล่งใด ดังนั้น ที่คิดว่าทำแล้วตำรวจจับไม่ได้ โพสต์ข้อความแล้วลบทิ้งก็ไม่เหลือหลักฐาน ต้องคิดเสียใหม่ให้ดี
หากเป็นสมัยก่อน ก็อาจจะยากในการติดตามสืบหาผู้กระทำผิด แต่หลังจากที่ทางตำรวจมีเครื่องมือคือ พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยเฉพาะในมาตรา 26 และ 27 ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, โอปเรเตอร์, เว็บโฮสติ้ง, แอดมิน, เว็บบอร์ด, บล็อก และบริษัทที่มีเครือข่ายเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ต้องทำการจัดเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ หรือ log file ไว้ในฐานข้อมูล 90 วัน การติดตามตรวจสอบก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะจะมีข้อมูลทั้งหมดในการใช้งานเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยวันที่ 24 ส.ค. 2551 เป็นวันแรกที่กฎหมายนี้เริ่มมีผลบังคับใช้
ถ้าเกิดการกระทำผิด เมื่อตรวจสอบผู้ให้บริการแล้วไม่มีข้อมูลผู้ใช้เก็บไว้ จะมีความผิด มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท...นายตำรวจคนเดิม กล่าว ก่อนจะบอกอีกว่า...กับความผิดสำหรับผู้ที่กระทำการหมิ่นประมาท ถ้า เป็นการโพสต์ข้อความ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 ในประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท
ถ้ามีการตัดต่อภาพลามกอนาจารประกอบ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ถือว่า มีความผิด
ผู้กำกับการกลุ่มงานตรวจสอบฯ ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์ การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า...นอกจากการหมิ่นประมาทกันแบบประชาชนทั่วไปแล้ว จากความขัดแย้งทางการเมืองยามนี้ก็ มีความเป็นไปได้ว่าคดีหรือการกระทำในลักษณะนี้จะมีสูงมากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งบางคนอาจแย้งว่าข้อมูลลักษณะนี้ที่ถูกสาดใส่ในอินเทอร์เน็ตผู้คนจะไม่ ค่อยเชื่อถือ แต่ในสังคมข่าวลือนั้นอานุภาพอาจร้ายมากจนเกินกว่าที่คิด ที่ สำคัญ...แม้ไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็อย่าลืมว่าก็มักจะมีคนที่พร้อมจะเชื่ออยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
แม้บางคนอาจมองว่าเรื่องนี้ไม่ร้ายแรง แต่การเข้าถึงที่ง่าย การใช้งานที่สามารถดับเบิลก๊อบปี้หลาย ๆ หน และส่งออกไปยังบุคคลปลายทางจำนวนมาก ๆ ได้ด้วยการทำเพียงครั้งเดียว ถ้ามองในแง่ปริมาณ ก็ย่อม อาจจะส่งผลทางอ้อมกระทบกับสังคมได้มากเช่นกัน...พ.ต.อ.ศิริพงษ์ระบุ
หมิ่นประมาทออนไลน์ ทำง่าย ๆ แต่ไม่ควรจะทำ
ขอเน้นย้ำ-เตือนไว้...ว่า ติดคุกได้ง่าย ๆ นะ !!!!.
ข้อมูลบทความสกู๊ปหนังสือพิมพ์เดลินิวส์